วันศุกร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2552

ผัดกะหล่ำดอก by Pakthada

เครื่องปรุง
กะหล่ำดอกหัวเล็ก 1 หัว
เห็ดหอม 3 ดอก
เห็ดฟาง 5 ดอก
ฟองเต้าหู้แช่น้ำให้นิ่ม 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1/4 ช้อนชา
ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำซุปผัก 2-3 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1. ล้างกะหล่ำดอก หั่นชิ้นพอคำ ลวกในน้ำร้อน แช่ในน้ำเย็นจัด ใส่กระชอน พักไว้ให้สะเด็ดน้ำ
2. ล้างเห็ดฟาง เฉือนโคนที่สกปรกออก ผ่าครึ่ง หั่นเห็ดหอมเป็นชิ้นเล็ก
3. ใส่น้ำมันในกระทะ ตั้งไฟให้ร้อน ใส่กะหล่ำดอก น้ำซุป ผัดสักครู่ ใส่เห็ดหอม เห็ดฟาง ฟองเต้าหู้ ผัีดให้ทั่ว ใส่น้ำตาล ซีอิ๊วขาว ชิมรส ตักใส่จาน

.

เห็ดนางฟ้ากะเพรากรอบ by Pakthada

เครื่องปรุง
เห็ดนางฟ้า 200 กรัม
เห็ดหอม 3 ดอก
กะเพราเด็ดเป็นใบ 2 ถ้วย
พริกชี้ฟ้าแดง 10 เม็ด
น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืช 1 ถ้วย


วิธีทำ
1. ล้างเห็ดนางฟ้า ฉีกชิ้นพอคำ หั่นเห็ดหอมเป็นชิ้นเล็ก หั่นพริกชี้ฟ้าแดงตามยาว
2. ใส่น้ำมันในกระทะ ตั้งไฟให้ร้อน ลดไฟลง ใส่ใบกะเพราทอดให้กรอบ ตักใส่จานไว้
3. ตักน้ำมันออก ให้เหลือในกระทะประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ใส่พริกชี้ฟ้า เห็ดนางฟ้า เห็ดหอม ผัดให้ทั่ว ใส่น้ำตาล ซีอิ๊วขาวพอสุกทั่วกันปิดไฟ ตักใส่จานกะเพรากรอบ

.

วันเสาร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2552

เห็ดนางฟ้าผัดเต้าหู้ by Pakthada

วันนี้นำเสนอเมนูเห็ดนางฟ้านะจ๊ะๆ บางคนอาจะใช้เห็ดนางรมก็ได้ ไม่ว่ากัน หรือตอนนี้กำลังล้นตลาดเลยก็คือเห็ดโคนญี่ปุ่น รสชาติดีค่ะ กรอบอร่อยมากเลย เอามาทำก็ได้ค่ะ ขอให้เป็นเห็ดแล้วกันนะ

เครื่องปรุง
เห็ดนางฟ้า 200 กรัม
เต้าหู้เหลืองชนิดอ่อน 1 แผ่น
น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืชสำหรับทอด

วิธีทำ
1. ล้างเห็ดนางฟ้าให้สะอาด ฉีกเป็นชิ้นพอคำ
2. ล้างเต้าหู้เหลืองให้สะอาด หั่นชิ้นสี่เหลี่ยมพอคำ ทอดให้สุกเหลืองทั้งสองด้าน
3. ใส่น้ำมันในกระทะ ตั้งไฟให้ร้อน ใส่เห็ด ผัดพอทั่ว
4. ปรุงรสด้วยน้ำตาล ซีอิ๊วขาว ผัดให้เข้ากัน ใส่เต้าหู้ทอด ผัดพอทั่ว ปิดไฟ ยกลง

.

วันศุกร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2552

สะตอผัดเครื่องแกง by Pakthada

เมื่อวานมีโอกาสได้ไปเดินที่ตลาดในแฟลชคลองจั่น หันไปหันมา โอ้โห มีสะตอขายกันเต็มเลย แต่ขอโทษทีเหอะค่ะ ช่วงนี้แพงมากมาย มดเห็นสะตอ 4 ฝัก เค้าบอกว่า 25 บาท โอววว แม่เจ้า แพงจังเลย แต่ยังไงก็ตามค่ะ ถึงจะแพงแค่ไหน ก็เอามาทำกับข้าวได้ ถ้าเราอยากกินซะอย่าง ใครจะทำไม 555+

.
วันนี้เลยตัดสินใจนำเสนอ สะตอผัดเครื่องแกง คงจะต้องผัดเครื่องแกงกันล่ะนะคะ เพราะปกติเราิกินสะตอผัดกุ้งกัน ตอนนี้หันมากินมังสวิรัติ เห็นทีต้องบอกลากุ้ง มากินผัดเครื่องแกงแทน

.
เครื่องปรุง

สะตอแกะเม็ด 200 กรัม
แครอทหั่นเป็นแท่งสี่เหลี่ยม 50 กรัม
เห็ดฟาง 100 กรัม
โปรตีนเกษตร 5 ชิ้นใหญ่
น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำ 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ

.
เครื่องแกง

พริกแห้งเม็ดใหญ่แกะเมล็ดออกแช่น้ำ 5 เม็ด
ตะไคร้หั่นฝอย 1 ช้อนโต๊ะ
ข่าหั่นละเอียด 1/2 ช้อนชา
ผิวมะกรูดหั่นละเอียด 1 ช้อนชา
เกลือป่น 1/2 ช้อนชา

โขลกเครื่องแกงทั้งหมดรวมกันให้ละเอียด
.
วิธีทำ
1. ล้างสะตอ ผ่าครึ่ง ล้างเห็ดฟาง เฉือนโคนที่สกปรกออก หั่นแว่น
2. โปรตีนเกษตรแช่น้ำให้นิ่ม
3. ใส่น้ำมันในกระทะ ตั้งไฟให้ร้อน ใส่เครื่องแกงลงผัดให้หอม
4. ใส่สะตอ แครอท เห็ดฟาง โปรตีนเกษตร ใส่น้ำ ผัดให้สุก ใส่น้ำตาล ซีอิ๊วขาว ชิมรสตามชอบ

วันพฤหัสบดีที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2552

ห่อหมกเห็ด by Pakthada

วันนี้ขออนุญาตินำเสนอห่อหมกเห็ด เมื่อวานลองทำดูแล้ว อร่อยมากมาย แต่ที่มดทำนี่มดใช้เห็ดนางรมน่ะคะ ที่เหมือนกับเห็ดนางฟ้าน่ะค่ะ แต่ดอกออกสีเทาหน่อยนึง หวานอร่อยมากเลย ไม่พูดมากล่ะค่ะ มาดูเครื่องปรุงกันก่อนเลยแล้วกัน

เครื่องปรุง
เห็ดนางรม หรือเห็ดฟาง หรือเห็ดนางฟ้า 200 กรัม
มะพร้าวขูด 300 กรัม
โหระพาเด็ดเป็นใบ 1 ถ้วย
ใบมะกรูดหั่นฝอย 1 ช้อนโต๊ะ
พริกชี้ฟ้าแดง หั่นเฉียง 1 เม็ด
แป้งสาลี 1 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วขาว 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
ใบยอ ผักกาดขาวหั่นฝอย
กระทงสำหรับใส่ห่อหมก

เครื่องแกง
พริกแห้งแกะเม็ดออกแช่น้ำ 4 เม็ด
ตะไคร้หั่นฝอย 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
ข่าหั่นละเอียด 2 ช้อนชา
ผิวมะกรูดหั่นละเอียด 1 ช้อนชา
เกลือป่น 1 ช้อนชา

โขลกเครื่องแกงทั้งหมดรวมกันให้ละเอียด

วิธีทำ
1. ล้างเห็ดฟางให้สะอาด เฉือนโคนที่สกปรกออก หั่นชิ้นเล็ก
2. คั้นมะพร้าวให้ได้หัวกะทิ 1/2 ถ้วย หางกะทิ 1 ถ้วย
3. ใส่หางกะทิลงในอ่างผสม ใส่เครื่องแกง คนให้ละลาย ใส่หัวกะทิ 1 ช้อนโต๊ะ ใส่แป้งสาลี ซีอิ๊วขาว คนให้ทั่ว ใส่เห็ด ใบมะกรูด คนให้เข้ากัน
4. นำใบโหระพารองที่ก้นกระทงเล็กน้อย วางใบยอหรือผักกาดขาวตามชอบ นำไปนึ่งให้ผักยุบตัวเล็กน้อย ยกลง
5. ตักเครื่องปรุงข้อ 3 ใส่กระทงผักที่นึ่งแล้ว นำไปนึ่งให้สุก ยกลง จัดใส่จาน เสิร์ฟ


** จะใส่ไข่เล็กน้อยให้ส่วนผสมเกาะตัวก็ได้น่ะคะ ไม่เป็นไรค่ะ เพราะเราทานมังสวิรัติค่ะไม่ใช่เจ **

วันจันทร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ต้มยำเห็ดสด by Pakthada

ตื่นขึ้นมาวันนี้ก็อยากหาอะไรแซ่บๆ มากินกันเลยทีเดียว ไม่รู้เป็นอะไรน่ะนี่ สงสัยมดจะมึนเพราะไม่ได้นอน เลยจะถอนสักหน่อย วันนี้เลยเอาต้มยำเห็ดสดมาฝากทุกคน บอกไว้ก่อนว่าใครชอบเห็ดอะไรก็สามารถนำเอามาใส่ได้หมดเลย นะจ๊ะๆ

.
คุณประโยชน์ : เห็ด มีแคลลอรีต่ำ ไขมันต่ำ ไร้คลอเลสเตอรอล ธาตุโปแตสเซียมสูงซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดความดัน และยังมีสารซีลีเนียมที่เป็นสารต้านมะเร็ง เห็ดอุดมด้วยวิตามินบี ส่วนเห็ดหอมสดให้วิตามินซีสูงมาก ช่วยในการดูดซึมแคลเซียม เพื่อเสริมกระดูกและฟัน การทานเห็ดสดหรือเห็ดที่ปรุงโดยความร้อนไม่สูง เป็นเวลาไม่นาน ก็จะดีกว่าให้คุณค่าของสารอาหารมากกว่าเห็ดที่ปรุงสุกหรือผ่านความร้อนนานๆ

.
มดไม่พูดเรื่องประโยชน์ของเห็ดแล้วหล่ะ เป็นที่รู้กันว่าเห็ดนั้นมีประโยชน์มากมายก่ายกอง ..งั้นตอนนี้เรามาเรียนรู้กันว่า ต้มยำเห็ดสด ที่มดเอามาฝากนี้น่ะ ต้องเตรียมอะไรมาโยนลงในหม้อบ้าง...อิอิ

.
เครื่องปรุง

เห็ดฟาง 7 ดอก
เห็ดนางฟ้า 5 ดอก
เห็ดหอม 2 ดอก
พริกขี้หนูหั่นตามยาว 5 เม็ด
ข่า 3 แว่น
ตะไคร้ 2 ต้น
ใบมะกรูด 2 ใบ
ขึ้นช่าย 1 ต้น
น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนชา
ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำ 1 ถ้วย

.
วิธีทำ

1. ล้างเห็ดฟาง เฉือนโคนที่สกปรกออก ผ่าครึ่ง ล้างเห็ดนางฟ้าฉีกเป็นชิ้นพอคำ
2. ล้างตะไคร้ หั่นเฉียงยาว 2 นิ้ว ล้างขึ้นฉ่าย หั่นยาว 2 นิ้ว
3. ใส่น้ำลงในหม้อ ใส่ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด พริกขี้หนู ตั้งไฟ พอเดือด ใส่เห็ดฟาง เห็ดนางฟ้า เห็ดหอม น้ำตาล ซีอิ๊วขาว พอสุกทั่วใส่ขึ้นฉ่าย ปิดไฟ ใส่น้ำมะนาว

** ปรุงกันตามใจชอบเลยค่ะ ใครชอบเปรี้ยวปรี๊ดส์ ก็ประโคมใส่มะนาวกันเข้าไป ถ้าใครต้องการต้มยำน้ำข้นก็สามารถเอานมสดคาร์เนชั่น ใส่ลงไปได้น่ะคะ เพราะเราทานมังสวิรัติค่ะ ทานนมได้ แต่ถ้าใครทานเจ ก็เปลี่ยนค่ะ เอากะทิใส่แทน แต่ไม่ต้องใส่เยอะน่ะคะ มันจะเลี่ยน เดี๋ยวจะกินไม่ได้กันพอดี


สำหรับวันนี้ขอลาไปก่อนค่ะ ขอตัวไปทำต้มยำเห็ดสดกินบ้าง ..อิอิ แบบว่ามดหิวแล้วจ้าาาา ... พรุ่งนี้จะเอาเมนูไรมาฝากกันอีก ติดตามกันได้ที่บล๊อคนี้เลยน่ะคะ ขอบคุณทุกท่านที่เยี่ยมชมบล๊อคค่ะ ...

.

วันอาทิตย์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ลาบเจ

          ประเดิม 1 เมนูก่อน ด้วยเมนูของคนไทยอีสานเลยแล้วกัน  ขอบอกว่าเมนูนี้แซ่บ อย่าบอกใครเชียว  แนะนำสักเล็กน้อยในกรณีของการใช้ข้าวคั่ว  ขอให้ใช้เป็นข้าวเหนียว แล้วในการทำในแต่ละครั้งถ้าใช้ข้าวคั่วใหม่ๆ จะมีกลิ่นหอมชวนรับประทานมากขึ้นกว่าข้าวคั่วค้างคืนนะจ๊ะๆ  โปรตีนเกษตรอีกอย่างนึง  ถ้าจะให้อร่อยเด็ดต้องต้มให้นานหน่อย จะดีมากๆ  ถ้าอยากให้หอมเพิ่มขึ้นอีกสักนิด ก็ต้มโปรตีนเกษตรในน้ำที่ผสมซีอิ๊วขาวเล็กน้อยก็ได้ค่ะ  จะเพิ่มรสชาติให้กับลาบเจของเราได้อย่างดีทีเดียว

           เมนูนี้ รับประทานพร้อมกับผักสดได้ตามใจชอบเลยค่ะ  ไม่ห้ามน่ะคะ  ถึงจะเป็นลาบเจ  แต่ก็ทานเป็นมังสวิรัติได้ค่ะ  เจกับมังสวิรัติก็ต่างกันแค่ที่ว่า มังสวิรัติกินไข่ได้  นมได้ แ้ล้วยังสามารถกินผักที่มีกลิ่นแรงได้ด้วยค่ะ

เครื่องปรุง

โปรตีนเกษตรแช่น้ำให้นิ่ม                 1 ถ้วย

เห็ดหูหนู                                        1/2 ถ้วย
สะระแหน่เด็ดเป็นใบ                      1/2 ถ้วย
ผักชีฝรั่งซอย                                    1 ช้อนโต๊ะ
ข่าอ่อนคั่วโขลกละเอียด                   3 แว่น
พริกป่น                                          1/2 ช้อนโต๊ะ
ข้าวคั่วป่น                                         2 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วขาว                                        2-3 ช้อนโต๊ะ

น้ำมะนาว                                      2-3 ช้อนโต๊ะ


วิธีทำ
1. ต้มโปรตีนเกษตรให้สุก พักไว้ให้สะเด็ดน้ำ
2. ล้างเห็ดหูหนูให้สะอาด เฉือนส่วนที่แข็งออก ลวกแล้วหั่นชิ้นพอคำ
3. เคล้าโปรตีนเกษตร เห็ดหูหนู ข้าวคั่ว พริกป่น ข่า พอทั่ว
4. ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว น้ำมะนาว เคล้าให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบใจ
5. ใส่สะระแหน่ ผักชีฝรั่ง เคล้าพอทั่ว ตักใส่จาน รับประทานกับผักสด

.
.

คุณค่าธัญพืชกับเทศกาลกินเจ

           คำว่า "เจ" ในภาษาจีน มีความหมายทางพุทธศาสนาฝ่ายมหายานว่า "อุโบสถ" คำว่า "กินเจ" ตามความหมายที่แท้จริงคือการรับประทานอาหารก่อนเที่ยงวัน ดังเช่นที่ชาวพุทธในประเทศไทยถือ "อุโบสถศีล" หรือ "รักษาศีล 8" จะไม่รับประทานอาหารหลังจากเที่ยงวันไปแล้ว แต่เนื่องจากการถืออุโบสถศีลของชาวพุทธฝ่ายมหายานไม่กินเนื้อสัตว์ จึงนิยมเรียก "การไม่กินเนื้อสัตว์" ไปรวมกับคำว่า "กินเจ" ซึ่งเป็นการถือศีลไปด้วย ในปัจจุบันผู้ที่รับประทานอาหารทั้ง 3 มื้อ แต่ไม่กินเนื้อสัตว์ก็ยังคงเรียกว่า "กินเจ" ฉะนั้น ความหมายก็คือ "คนกินเจ" มิใช่เพียงแต่ไม่กินเนื้อสัตว์ แต่คนที่กินเจ ยังต้องดำรงตนอยู่ในศีลธรรมอันดีงาม มีความบริสุทธิ์ สะอาด งดงามทั้งกาย วาจา ใจ เป็นการถือศีลบำเพ็ญธรรมไปด้วยพร้อมกัน

            การรับประทานอาหารเจ ทำให้มีโอกาสได้กินพืชผักที่มีคุณประโยชน์มากมายหลายชนิด ซึ่งในระหว่างที่รับประทานอาหารเนื้อไม่เคยใส่ใจเลย นอกจากผักสดๆ ที่นำมาปรุงเป็นอาหารแล้ว คนกินเจจำเป็นต้องรับประทานผลไม้สดๆ หลังอาหารทุกมื้ออย่างสม่ำเสมอ เมล็ดธัญพืช ได้แก่ ถั่ว ถั่วเปลือกแข็งทุกประเภท พืชที่เป็นหัวในดิน เช่น เผือก มัน กลอย มีคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก โดยเฉพาะเมล็ดถั่วมีสารอาหารครบทุกหมู่ ได้แก่ ถั่วแดง ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ทุกคนควรรับประทานอาหารดังกล่าวหมุนเวียนไปให้ครบทุกสี จะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่เป็นประโยชน์และช่วยเสริมให้อวัยวะหลักสำคัญภายในทำงานได้ดีขึ้น


            ส่วนเนื้อในของเมล็ดพืชผัก อันได้แก่ เมล็ดทานตะวัน เมล็ดฟักทอง เมล็ดแตงโม มันฮ่อ นับเป็นของขบเคี้ยวที่คนกินเจรู้จักดี เนื้อในของเมล็ดพืชดังกล่าว เป็นแหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุและวิจามินมากมายหลายชนิด ซึ่งทรงคุณค่าทางโภชนาการอย่างยิ่ง เมล็ดทานตะวันนั้น อุดมไปด้วยน้ำมันและวิตามินอี น้ำมันที่ได้จากเมล็ดทานตะวันเป็นน้ำมันที่มีกรดไลโนเลอิก (Linoleic Acid) จำนวนมาก ซึ่งมีความจำเป็นต่อร่างกาย สามารถป้องกันการแข็งตัวของเลือดในหลอดเลือด ป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ ส่วนวิตามินอีที่อยู่ในเมล็ดทานตะวันจะทำหน้าที่เป็นสารแอนติออกซิแดนซ์ คอยดักจับและทำลายของเสียที่มาทำลายเซลล์ต่างๆ ช่วยให้ผิวพรรณเต่งตึง ลดไขมันในเส้นเลือด ป้องกันการเกิดมะเร็ง บำรุงสายตา ป้องกันการเป็นหมัน การแท้งและการป้องกันเนื้อเยื่อปอดถูกทำลายจากอากาศ การแปรรูปเมล็ดทานตะวันนั้นทำได้หลายรูปแบบ เช่น สกัดน้ำมันสำหรับปรุงอาหาร เนยเทียม แป้งสำหรับทำขนมและอาหาร เมล็ดทานตะวันอบหรือคั่วเป็นอาหารว่างและที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ก็คือกรดไขมันซีแอลเอ (Conjugated Linoleic Acid) จากน้ำมันเมล็ดทานตะวันที่ให้คุณค่าของสารอาหารอย่างเข้มข้น เมล็ดทานตะวันไม่เพียงนิยมกินเป็นของว่างขบเคี้ยว ยังสามารถปรุงเป็นอาหารจานอร่อยได้อีกด้วย หากใครชื่นชอบสลัดผัก เมล็ดทานตะวันสามารถเข้ากับน้ำสลัดได้ทุกชนิดหรือจะเป็นอาหารประเภทยำ ข้าวอบ ก็สามารถนำไปคลุกเคล้าเพิ่มความอร่อยและได้คุณค่าทางอาหารอย่างลงตัว

            ส่วนเมล็ดฟักทอง มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ประกอบด้วยโปรตีน ไขมัน สังกะสี เหล็ก ฟอสฟอรัส แคลเซียม ใยอาหาร วิตามินเอ เมล็ดฟักทองจะมีผิวสีเขียวของคลอโรฟิล เมล็ดฟักทองที่ดีจะมีสีเขียวเข้มทั้งเมล็ด ซึ่งจะทำให้เมล็ดมีรสขมเล็กน้อย คล้ายรสของผักสด ในเมล็ดฟักทองเป็นแหล่งของสังกะสีซึ่งมีความจำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตทั่วไปและการพัฒนาของอวัยวะสืบพันธุ์ที่พอเหมาะ ตลอดจนการทำงานตามปกติของต่อมลูกหมาก (Prostate Gland) การขาดสังกะสีเป็นสาเหตุของการเป็นหมันและทำให้ขนาดและโครงสร้างของต่อมลูกหมากผิดปกติ นอกจากนี้ ยังช่วยลดไขมันในเส้นเลือด เมล็ดฟักทองมีกรดไขมันที่ไม่อิ่มตัว ซึ่งจะช่วยลดไขมันในเส้นเลือด ช่วยแก้ปัญหาโรคหลอดเลือดอุดตันได้ เมล็ดฟักทองยังช่วยป้องกันการเกิดนิ่ว เพราะในเมล็ดฟักทองมีฟอสฟอรัสในปริมาณสูง สามรถช่วยยับยั้งการเกิดผลึกนิ่วในกระเพาะปัสสาวะได้ ทั้งยังช่วยป้องกันโรคริดสีดวงทวารและโรคผนังลำไส้โป่งพอง เมล็ดฟักทองเป็นแหล่งของใยอาหาร ช่วยเพิ่มปริมาณกากอาหารทำให้ขับถ่ายกากอาหารออกจากร่างกายเร็วขึ้นและทำให้กากอาหารนิ่ม ไม่ทำให้เกิดแรงดันที่ผนังลำไส้ที่จะทำให้โลหิตดำโป่งและบวม ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของโรคผนังลำไส้โป่งพอง 

ที่มา - ที่ไป


          หลายคนคงสงสัยว่าทำไม๊ ทำไม มดถึงหันมาเขียนบล๊อคเกี่ยวกับมังสวิรัติ .. ไม่ใช่อะไรหรอกนะคะ ตอนนี้ผันตัวเองมาลองกินมังสวิรัติดู แล้วพบว่าน้ำหนักลดไปหน่อยนึง ไม่เหนื่อยเวลาเดินขึ้นบันได หัวใจไม่เต้นรุนแรง แถมยังรู้สึกได้บุญในส่วนลึกๆ ของสามัญสำนึกด้วยค่ะ  เลยอยากชวนทุกคนมาลองกินมังสวิรัติดู  กินปีละครั้งก็ยังดี  แต่ถ้าหากใครสามารถทำได้ ก็กินเป็นประจำทุกอาทิตย์ก็ได้ค่ะ จะถือโอกาสในวันเกิดตัวเอง หรือวันอื่นๆ ก็ได้ แล้วแต่สะดวกเลยค่ะ  

         แล้วทั้งหมดนี่ก็คือที่มาของชื่อบล๊อก try-vegetarian นั่นก็หมายความว่า ลองกินมังสวิรัติื  ..ในส่วนของบล๊อคนี้ มดจะรวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับสูตรอาหารมังสวิรัติ  เรื่องราวของผักชนิดต่างๆ และบางครั้งอาจจะมีการอัพเดทเกี่ยวกับเรื่องราวของวัดจีนรวมอยู่ด้วยในบล๊อคนี้น่ะคะ  บางทีอาจจะไม่สามารถอัพให้ทุกวันได้ แต่ยังไงก็จะพยายามอัพข้อมูลให้อ่านกันให้มากที่สุดแล้วกันจ้าาา