วันจันทร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552
ต้มยำเห็ดสด by Pakthada
.
คุณประโยชน์ : เห็ด มีแคลลอรีต่ำ ไขมันต่ำ ไร้คลอเลสเตอรอล ธาตุโปแตสเซียมสูงซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดความดัน และยังมีสารซีลีเนียมที่เป็นสารต้านมะเร็ง เห็ดอุดมด้วยวิตามินบี ส่วนเห็ดหอมสดให้วิตามินซีสูงมาก ช่วยในการดูดซึมแคลเซียม เพื่อเสริมกระดูกและฟัน การทานเห็ดสดหรือเห็ดที่ปรุงโดยความร้อนไม่สูง เป็นเวลาไม่นาน ก็จะดีกว่าให้คุณค่าของสารอาหารมากกว่าเห็ดที่ปรุงสุกหรือผ่านความร้อนนานๆ
.
มดไม่พูดเรื่องประโยชน์ของเห็ดแล้วหล่ะ เป็นที่รู้กันว่าเห็ดนั้นมีประโยชน์มากมายก่ายกอง ..งั้นตอนนี้เรามาเรียนรู้กันว่า ต้มยำเห็ดสด ที่มดเอามาฝากนี้น่ะ ต้องเตรียมอะไรมาโยนลงในหม้อบ้าง...อิอิ
.
เครื่องปรุง
เห็ดฟาง 7 ดอก
เห็ดนางฟ้า 5 ดอก
เห็ดหอม 2 ดอก
พริกขี้หนูหั่นตามยาว 5 เม็ด
ข่า 3 แว่น
ตะไคร้ 2 ต้น
ใบมะกรูด 2 ใบ
ขึ้นช่าย 1 ต้น
น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนชา
ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำ 1 ถ้วย
.
วิธีทำ
1. ล้างเห็ดฟาง เฉือนโคนที่สกปรกออก ผ่าครึ่ง ล้างเห็ดนางฟ้าฉีกเป็นชิ้นพอคำ
2. ล้างตะไคร้ หั่นเฉียงยาว 2 นิ้ว ล้างขึ้นฉ่าย หั่นยาว 2 นิ้ว
3. ใส่น้ำลงในหม้อ ใส่ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด พริกขี้หนู ตั้งไฟ พอเดือด ใส่เห็ดฟาง เห็ดนางฟ้า เห็ดหอม น้ำตาล ซีอิ๊วขาว พอสุกทั่วใส่ขึ้นฉ่าย ปิดไฟ ใส่น้ำมะนาว
** ปรุงกันตามใจชอบเลยค่ะ ใครชอบเปรี้ยวปรี๊ดส์ ก็ประโคมใส่มะนาวกันเข้าไป ถ้าใครต้องการต้มยำน้ำข้นก็สามารถเอานมสดคาร์เนชั่น ใส่ลงไปได้น่ะคะ เพราะเราทานมังสวิรัติค่ะ ทานนมได้ แต่ถ้าใครทานเจ ก็เปลี่ยนค่ะ เอากะทิใส่แทน แต่ไม่ต้องใส่เยอะน่ะคะ มันจะเลี่ยน เดี๋ยวจะกินไม่ได้กันพอดี
สำหรับวันนี้ขอลาไปก่อนค่ะ ขอตัวไปทำต้มยำเห็ดสดกินบ้าง ..อิอิ แบบว่ามดหิวแล้วจ้าาาา ... พรุ่งนี้จะเอาเมนูไรมาฝากกันอีก ติดตามกันได้ที่บล๊อคนี้เลยน่ะคะ ขอบคุณทุกท่านที่เยี่ยมชมบล๊อคค่ะ ...
.
วันอาทิตย์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552
ลาบเจ
ประเดิม 1 เมนูก่อน ด้วยเมนูของคนไทยอีสานเลยแล้วกัน ขอบอกว่าเมนูนี้แซ่บ อย่าบอกใครเชียว แนะนำสักเล็กน้อยในกรณีของการใช้ข้าวคั่ว ขอให้ใช้เป็นข้าวเหนียว แล้วในการทำในแต่ละครั้งถ้าใช้ข้าวคั่วใหม่ๆ จะมีกลิ่นหอมชวนรับประทานมากขึ้นกว่าข้าวคั่วค้างคืนนะจ๊ะๆ โปรตีนเกษตรอีกอย่างนึง ถ้าจะให้อร่อยเด็ดต้องต้มให้นานหน่อย จะดีมากๆ ถ้าอยากให้หอมเพิ่มขึ้นอีกสักนิด ก็ต้มโปรตีนเกษตรในน้ำที่ผสมซีอิ๊วขาวเล็กน้อยก็ได้ค่ะ จะเพิ่มรสชาติให้กับลาบเจของเราได้อย่างดีทีเดียว
เมนูนี้ รับประทานพร้อมกับผักสดได้ตามใจชอบเลยค่ะ ไม่ห้ามน่ะคะ ถึงจะเป็นลาบเจ แต่ก็ทานเป็นมังสวิรัติได้ค่ะ เจกับมังสวิรัติก็ต่างกันแค่ที่ว่า มังสวิรัติกินไข่ได้ นมได้ แ้ล้วยังสามารถกินผักที่มีกลิ่นแรงได้ด้วยค่ะ
เครื่องปรุง
โปรตีนเกษตรแช่น้ำให้นิ่ม 1 ถ้วย
สะระแหน่เด็ดเป็นใบ 1/2 ถ้วย
ผักชีฝรั่งซอย 1 ช้อนโต๊ะ
ข่าอ่อนคั่วโขลกละเอียด 3 แว่น
พริกป่น 1/2 ช้อนโต๊ะ
ข้าวคั่วป่น 2 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วขาว 2-3 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 2-3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
1. ต้มโปรตีนเกษตรให้สุก พักไว้ให้สะเด็ดน้ำ
2. ล้างเห็ดหูหนูให้สะอาด เฉือนส่วนที่แข็งออก ลวกแล้วหั่นชิ้นพอคำ
3. เคล้าโปรตีนเกษตร เห็ดหูหนู ข้าวคั่ว พริกป่น ข่า พอทั่ว
4. ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว น้ำมะนาว เคล้าให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบใจ
5. ใส่สะระแหน่ ผักชีฝรั่ง เคล้าพอทั่ว ตักใส่จาน รับประทานกับผักสด
.
.
คุณค่าธัญพืชกับเทศกาลกินเจ
คำว่า "เจ" ในภาษาจีน มีความหมายทางพุทธศาสนาฝ่ายมหายานว่า "อุโบสถ" คำว่า "กินเจ" ตามความหมายที่แท้จริงคือการรับประทานอาหารก่อนเที่ยงวัน ดังเช่นที่ชาวพุทธในประเทศไทยถือ "อุโบสถศีล" หรือ "รักษาศีล 8" จะไม่รับประทานอาหารหลังจากเที่ยงวันไปแล้ว แต่เนื่องจากการถืออุโบสถศีลของชาวพุทธฝ่ายมหายานไม่กินเนื้อสัตว์ จึงนิยมเรียก "การไม่กินเนื้อสัตว์" ไปรวมกับคำว่า "กินเจ" ซึ่งเป็นการถือศีลไปด้วย ในปัจจุบันผู้ที่รับประทานอาหารทั้ง 3 มื้อ แต่ไม่กินเนื้อสัตว์ก็ยังคงเรียกว่า "กินเจ" ฉะนั้น ความหมายก็คือ "คนกินเจ" มิใช่เพียงแต่ไม่กินเนื้อสัตว์ แต่คนที่กินเจ ยังต้องดำรงตนอยู่ในศีลธรรมอันดีงาม มีความบริสุทธิ์ สะอาด งดงามทั้งกาย วาจา ใจ เป็นการถือศีลบำเพ็ญธรรมไปด้วยพร้อมกัน
การรับประทานอาหารเจ ทำให้มีโอกาสได้กินพืชผักที่มีคุณประโยชน์มากมายหลายชนิด ซึ่งในระหว่างที่รับประทานอาหารเนื้อไม่เคยใส่ใจเลย นอกจากผักสดๆ ที่นำมาปรุงเป็นอาหารแล้ว คนกินเจจำเป็นต้องรับประทานผลไม้สดๆ หลังอาหารทุกมื้ออย่างสม่ำเสมอ เมล็ดธัญพืช ได้แก่ ถั่ว ถั่วเปลือกแข็งทุกประเภท พืชที่เป็นหัวในดิน เช่น เผือก มัน กลอย มีคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก โดยเฉพาะเมล็ดถั่วมีสารอาหารครบทุกหมู่ ได้แก่ ถั่วแดง ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ทุกคนควรรับประทานอาหารดังกล่าวหมุนเวียนไปให้ครบทุกสี จะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่เป็นประโยชน์และช่วยเสริมให้อวัยวะหลักสำคัญภายในทำงานได้ดีขึ้น
ส่วนเนื้อในของเมล็ดพืชผัก อันได้แก่ เมล็ดทานตะวัน เมล็ดฟักทอง เมล็ดแตงโม มันฮ่อ นับเป็นของขบเคี้ยวที่คนกินเจรู้จักดี เนื้อในของเมล็ดพืชดังกล่าว เป็นแหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุและวิจามินมากมายหลายชนิด ซึ่งทรงคุณค่าทางโภชนาการอย่างยิ่ง เมล็ดทานตะวันนั้น อุดมไปด้วยน้ำมันและวิตามินอี น้ำมันที่ได้จากเมล็ดทานตะวันเป็นน้ำมันที่มีกรดไลโนเลอิก (Linoleic Acid) จำนวนมาก ซึ่งมีความจำเป็นต่อร่างกาย สามารถป้องกันการแข็งตัวของเลือดในหลอดเลือด ป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ ส่วนวิตามินอีที่อยู่ในเมล็ดทานตะวันจะทำหน้าที่เป็นสารแอนติออกซิแดนซ์ คอยดักจับและทำลายของเสียที่มาทำลายเซลล์ต่างๆ ช่วยให้ผิวพรรณเต่งตึง ลดไขมันในเส้นเลือด ป้องกันการเกิดมะเร็ง บำรุงสายตา ป้องกันการเป็นหมัน การแท้งและการป้องกันเนื้อเยื่อปอดถูกทำลายจากอากาศ การแปรรูปเมล็ดทานตะวันนั้นทำได้หลายรูปแบบ เช่น สกัดน้ำมันสำหรับปรุงอาหาร เนยเทียม แป้งสำหรับทำขนมและอาหาร เมล็ดทานตะวันอบหรือคั่วเป็นอาหารว่างและที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ก็คือกรดไขมันซีแอลเอ (Conjugated Linoleic Acid) จากน้ำมันเมล็ดทานตะวันที่ให้คุณค่าของสารอาหารอย่างเข้มข้น เมล็ดทานตะวันไม่เพียงนิยมกินเป็นของว่างขบเคี้ยว ยังสามารถปรุงเป็นอาหารจานอร่อยได้อีกด้วย หากใครชื่นชอบสลัดผัก เมล็ดทานตะวันสามารถเข้ากับน้ำสลัดได้ทุกชนิดหรือจะเป็นอาหารประเภทยำ ข้าวอบ ก็สามารถนำไปคลุกเคล้าเพิ่มความอร่อยและได้คุณค่าทางอาหารอย่างลงตัว
ส่วนเมล็ดฟักทอง มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ประกอบด้วยโปรตีน ไขมัน สังกะสี เหล็ก ฟอสฟอรัส แคลเซียม ใยอาหาร วิตามินเอ เมล็ดฟักทองจะมีผิวสีเขียวของคลอโรฟิล เมล็ดฟักทองที่ดีจะมีสีเขียวเข้มทั้งเมล็ด ซึ่งจะทำให้เมล็ดมีรสขมเล็กน้อย คล้ายรสของผักสด ในเมล็ดฟักทองเป็นแหล่งของสังกะสีซึ่งมีความจำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตทั่วไปและการพัฒนาของอวัยวะสืบพันธุ์ที่พอเหมาะ ตลอดจนการทำงานตามปกติของต่อมลูกหมาก (Prostate Gland) การขาดสังกะสีเป็นสาเหตุของการเป็นหมันและทำให้ขนาดและโครงสร้างของต่อมลูกหมากผิดปกติ นอกจากนี้ ยังช่วยลดไขมันในเส้นเลือด เมล็ดฟักทองมีกรดไขมันที่ไม่อิ่มตัว ซึ่งจะช่วยลดไขมันในเส้นเลือด ช่วยแก้ปัญหาโรคหลอดเลือดอุดตันได้ เมล็ดฟักทองยังช่วยป้องกันการเกิดนิ่ว เพราะในเมล็ดฟักทองมีฟอสฟอรัสในปริมาณสูง สามรถช่วยยับยั้งการเกิดผลึกนิ่วในกระเพาะปัสสาวะได้ ทั้งยังช่วยป้องกันโรคริดสีดวงทวารและโรคผนังลำไส้โป่งพอง เมล็ดฟักทองเป็นแหล่งของใยอาหาร ช่วยเพิ่มปริมาณกากอาหารทำให้ขับถ่ายกากอาหารออกจากร่างกายเร็วขึ้นและทำให้กากอาหารนิ่ม ไม่ทำให้เกิดแรงดันที่ผนังลำไส้ที่จะทำให้โลหิตดำโป่งและบวม ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของโรคผนังลำไส้โป่งพอง
ที่มา - ที่ไป
หลายคนคงสงสัยว่าทำไม๊ ทำไม มดถึงหันมาเขียนบล๊อคเกี่ยวกับมังสวิรัติ .. ไม่ใช่อะไรหรอกนะคะ ตอนนี้ผันตัวเองมาลองกินมังสวิรัติดู แล้วพบว่าน้ำหนักลดไปหน่อยนึง ไม่เหนื่อยเวลาเดินขึ้นบันได หัวใจไม่เต้นรุนแรง แถมยังรู้สึกได้บุญในส่วนลึกๆ ของสามัญสำนึกด้วยค่ะ เลยอยากชวนทุกคนมาลองกินมังสวิรัติดู กินปีละครั้งก็ยังดี แต่ถ้าหากใครสามารถทำได้ ก็กินเป็นประจำทุกอาทิตย์ก็ได้ค่ะ จะถือโอกาสในวันเกิดตัวเอง หรือวันอื่นๆ ก็ได้ แล้วแต่สะดวกเลยค่ะ
แล้วทั้งหมดนี่ก็คือที่มาของชื่อบล๊อก try-vegetarian นั่นก็หมายความว่า ลองกินมังสวิรัติื ..ในส่วนของบล๊อคนี้ มดจะรวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับสูตรอาหารมังสวิรัติ เรื่องราวของผักชนิดต่างๆ และบางครั้งอาจจะมีการอัพเดทเกี่ยวกับเรื่องราวของวัดจีนรวมอยู่ด้วยในบล๊อคนี้น่ะคะ บางทีอาจจะไม่สามารถอัพให้ทุกวันได้ แต่ยังไงก็จะพยายามอัพข้อมูลให้อ่านกันให้มากที่สุดแล้วกันจ้าาา